Street Hawkers: Mae Kha Solution

การลงคะแนนเสียงเพื่อเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม เพิ่งผ่านพ้นไปหมาดๆ  ผลของการเลือกตั้ง ก็ได้สรุปผลเป็นที่เรียบร้อย ท่ามกลางคำมั่นสัญญา จะทำโน้นแก้ไขนี่ ก่อนวันเลือกตั้งเราก็ได้แต่กระพริบตารอคอยดูคำมั่นสัญญานั้นว่าผลจะเป็นประการใด

การหาบเร่แผงลอย จะยังคงคู่ทางเท้าของเราไปชั่วนิรันตรใช่ไหม? นโยบายของผู้ว่าฯจะสามารถแก้ปัญหาการหาบเร่แผงลอยได้หรือไม่ ความจริงปัญหาหาบเร่แผงลอยไม่ใช่จะเลวร้ายไปเสียทีเดียว

ถ้ามองอย่างใจกว้าง

ข้าวของที่วางขายตามท้องถนนและทางเท้าต่างก็ช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยไม่ว่าจะซื้อของ หรือ รับประทานอาหารในราคาย่อมเยาว์

สะดวกไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไกลข้าวของ อาหารเช้า กลางวัน เย็น หรือ รอบดึกต่างก็มารออยู่เกือบชิดรั้วบ้านหรือสถานที่ทำงาน ช่างสะดวกสบายเสียจริงประเทศไทย

ก็ให้โอกาสคนจนได้มีโอกาสทำมาหากินบ้างสิเขาจน และดูสิพวกเขามอซอทั้งนั้น ขายของก็เพียงหาเช้ากินค่ำเท่านั้นเอง

ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง

พวกหาบเร่แผงลอย ต่างกรีดขวางทางเดินเท้า บางที่เราต้องเดินหลบลงไปบนถนนเพื่อเดินต่อไปข้างหน้าเกือบโดนรถที่วิ่งผ่านมาพอดีชนเอา บางพื้นที่ตามที่เราทราบไม่มีทางเท้า แม่ค้าหาบเร่ก็ตั้งภัตตาคารสัญจรของเขาบนส่วนหนึ่งของถนน ทำให้รถที่วิ่งผ่านไปมาต้องคอยหลบเพราะจะเฉียวชนเอาคนที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ที่ภัตตาคารนั้น

พวกหาบเร่แผงลอยขายของได้เงินไม่มีการเสียภาษี ดังเช่นมนุษย์เงินเดือนอย่างพวกเรา น่าอิจฉาไหม ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่เราจะเห็นชาวหาบเร่แผงลอยส่วนใหญ่มีรถปิคอัพเป็นของตัวเอง ขับมาแต่เช้าขนข้าวของที่จะขาย หรือ สัมภาระที่ใช้ในการทำอาหารขายเมื่อเอาของลงหมดแล้วก็ขับรถไปจอดไว้ตามที่ต่างๆ พอตกเย็นก็มาขนของกลับไปทำอย่างนี้ทุกวันเว้นวันอาทิตย์ เนื่องจากไม่มีผู้มาทำงานในวันนั้น

บรรดาร้านอาหารบนทางเท้า ตกตอนเย็นก็จะทำความสะอาดจานชาม เศษอาหารที่เหลือส่วนหนึ่งใส่ถุงทิ้งตามทางเท้าเพราะกทมมาเก็บไปแต่เช้ามืด อีกส่วนหนึ่ง รวมเศษน้ำมันก็มักจะเททิ้งลงตรงท่อระบายน้ำที่ติดกับภัตตาคารของเขานั่นเองใกล้ดี ส่วนข้าวของก็วางกองไว้ที่นั่นเลย บางรายเอาผ้าคลุมไว้ พอตกกลางคืนบรรดา สัตว์เลี้ยง และที่ไม่เลี้ยงก็ออกคุยหาเศษอาหารก็ทำให้อิ่มท้องได้ทุกวัน อนิจจา สุขอนามัยคนกรุง

โดยเฉพาะอาหารที่ขาดสุขลักษณะที่ดี อย่างที่กล่าวมาทำให้คนกรุงได้รับเชื้อจุลินทรีย์ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายทุกครั้งที่ทานอาหารแบบนี้อย่างจำยอม อัตราผู้ได้รับเชื้อก็เพิ่มขึ้น ทั้งอหิวาตกโรค โดรท้องร่วง โรตพยาธิลำไส้ เป็นต้น

น้ำที่ใช้ทำอาหาร และล้างจานชามก็ต่อมาจากบ้านข้างๆที่ใจดีให้ใช้ได้ บางรายเจาะถนนเพื่อเอาสายน้ำ หรือต่อท่อน้ำมาใช้ (ถนนเสียหายอีก) เนื่องจากน้ำจำกัด การล้างชามบางทีก็เพียงจุ่มเอาก็สะอาดแล้ว

พวกที่ขายในเวลากลางคืน บางรายก็ขอใช้ไฟฟ้าร่วมกับบ้านข้างเคียงเหมาจ่ายรายเดือน บางรายก็ขอใช้จากเสาไฟฟ้าของนครหลวงเลย แบบนี้ดี ไม่ต้องเสียค่าไฟฟ้ารายเดือน

เสียภาพลักษณ์ ของการเป็นเมืองหลวง เนื่องจากมีปริมาณ ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยมากขึ้นทุกวัน ขวางทางเท้า ขวางทางรถสารพัดจะพรรณา

 

ปัญหาการค้าหาบเร่แผงลอย ยังคงเป็นการทำมาค้าขาย ที่สร้างรายได้อย่างมั่นคงแก่คนส่วนหนึ่ง ในสังคมเรานี้ ถ้าไล่เลียงกันจริงๆ แล้วผลทางด้านลบกลับมีมากกว่า และจะแก้ปัญหาการค้าหาบเร่แผงลอยได้อย่างไร?

ผมจำคำพูดของดร.กฤษฎา ผู้ว่าราชการกทมผู้ล่วงลับท่านเคยกล่าวว่า “การจะให้บรรดาหาบเร่แผงลอยหมดไปจากเมืองหลวง ทำได้ถ้าทุกคนเลิกอุดหนุนพวกเขา ”

เราดูหนังฮอลิวูดกันแทบทุกคนสังเกตุไม๊ครับว่าที่นั่นนครใหญ่ๆ ก็มีการค้าประเภทคล้ายแผงลอยบ้านเรา เพียงแต่เขามีการควบคุม คนจะขายฮอดดอกก็ต้องมีรถขาย ซึ่งพร้อมที่จะเคลื่อนย้ายไปตามที่ต่างๆ มีน้ำ มีไฟฟ้าใช้ในตัวไม่ต้องพึ่งพิงบ้านข้างๆ ที่สำคัญเทศบาลเมืองนั้นก็เก็บภาษีจากผู้ขายได้ ผมมีโอกาสได้ไปเห็นที่กรุงเวียนนา เข้าก็มีเป็นตู้ปรุงอาหารขาย ราคาประหยัด และถูกสุขลักษณะ และที่สำคัญ เรียงเป็นกลุ่มกลมกลืนกับสภาพบ้านเมืองที่สวยงามของเขา

ถ้าผู้บริหารที่มีศักยภาพอย่างบ้านเรา จะนำเอาแนวทางอย่างนี้มาใช้ ผมเชื่อว่าเขาไม่ได้จดลิขสิทธิ์ครับ